19-02-2018

Aeon และ JCB พร้อมรุกตลาด E-payment ในอาเซียน

บทความโดย
  • บริษัท Aeon เตรียมเปิดให้บริการชำระเงินผ่านสมาร์ทโฟนในกัมพูชาในเดือนเมษายนนี้
  • JCB เตรียมเปิดให้บริการชำระเงินผ่านบัตรเครดิตโดยการแสกน QR Code เพื่อเพิ่มฐานลูกค้าหันมาใช้บัตรเครดิตของ JCB มากขึ้น
  • ตลาดอาเซียนกลายเป็นตลาดทางด้าน E-Payment ที่หลายๆสถาบันการเงินและฟินเทคจับจ้องตาเป็นมันเพราะกำลังซื้อที่เติบโตและตลาดขนาด 600 ล้านคน

ตลาดอาเซียนกลายเป็นตลาดเป้าหมายของระบบชำระเงินออนไลน์ผ่านสมาร์ทโฟน หรือระบบ E-Payment แบบต่างๆ ตั้งแต่ Alipay Wepay จากจีนที่เข้ามาแล้ว และกำลังมีของจากฝั่งญี่ปุ่นตามมา

Aeon กับตลาดกัมพูชา

ล่าสุด Aeon กำลังจะเปิดตัวบริการการชำระเงินผ่านสมาร์ทโฟนในกัมพูชาโดยเร็วสุดคาดว่าจะสามารถเปิดให้ใช้งานได้ในเดือนเมษายนนี้ โดยผู้ใช้บริการสามารถใช้เพื่อซื้อสินค้าและโอนเงินผ่านแอพพลิเคชั่นของ Aeon ซึ่งสามารถซื้อขายด้วยเงินเรียลของกัมพูชาในร้านค้าของห้างสรรพสินค้า Aeon ที่ตั้งอยู่ในกัมพูชา และรวมถึงร้านค้าอื่นๆอีกด้วย

ธุรกิจค้าปลีกของ Aeon  มองเห็นศักยภาพของตลาดที่มีความต้องการระบบการชำระเงินผ่านสมาร์ทโฟนในกัมพูชา ซึ่งธุรกิจขนาดเล็กจำนวนมากในกัมพูชา ด้วยค่ารักษาบัญชีของธนาคารทำให้ธุรกิจรายย่อยไม่ต้องการเปิดบัญชีกับธนาคารในกัมพูชา

การเก็บค่าธรรมเนียมที่ต่ำสำหรับร้านค้ารายย่อยจะสามารถดึงดูดร้านค้าเล็กๆเหล่านั้นมาใช้บริการชำระเงินผ่านสมาร์ทโฟนโดยมีเป้าหมายที่ตั้งไว้ประมาณ 300,000- 500,000 รายภายในปี 2563

JCB ลุยตลาดเมืองไทย

ขณะที่ JCB ผู้ให้บริการระบบบัตรเครดิตสัญชาติญี่ปุ่นจะเปิดตัวบริหารชำระเงินผ่านบัตรเครดิตผ่านการแสกน QR Code บนสมาร์ทโฟน ในประเทศไทยภายในปี 2562 โดยบริการนี้มุ่งเจากลุ่มผู้ใช้บริการที่เป็นชนชั้นกลางในเมืองที่ใช้บัตรเครดิตของ JCB และหวังการขยายฐานลูกค้าเพิ่ม

จะเห็นว่ากลุ่มอาเซียนซึ่งมีประชากรกว่า 600 ล้านคนเป็นตลาดที่ศักยภาพสูง จำนวนประชากรที่มากกว่าญี่ปุ่นเป็นรองเพียงจีนและอินเดีย ขณะที่ตลาดโดยรวมในภูมิภาคนี้ยังเข้าไม่ถึงการให้บริการของระบบธนาคาร ขณะที่ระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ในภูมิภาคนี้ยังสามารถเติบโตได้อีกมาก

คู่แข่งอย่างจีนที่นำโดย Alibaba Tencent ก็ยังเข้าไม่ถึงทุกตลาดในภูมิภาคนี้ยังมีช่องว่างอีกมากในการทำตลาดในกลุ่มประเทศอาเซียน ทำให้เป็นแรงผลักดันที่บริษัทบัตรเครดิตญี่ปุ่นต้องการเจาะกลุ่มนี้เป็นอย่างมาก

Source: Nikkei