25-01-2019

คนจีนปีนี้เกิดน้อยลงที่สุดนับตั้งแต่ยุคเหมาเจ๋อตง

บทความโดย
  • หัวเมืองใหญ่ที่เวินโจว หนิงโป มีสถิติการเกิดลดลงเท่าตัว
  • รัฐบาลจีนเตรียมผ่อนคลายกฎให้มีบุตรไม่เกินสองคน เพื่อเพิ่มการเกิดของประชากร

ภาพจาก pixabay โดย wawawoo

เรียกว่าเป็นข่าวใหญ่ที่สร้างความกังวลให้รัฐบาลจีนไม่น้อย เมื่อมีการเปิดเผยสถิติในปี 2018 ว่า จีนมีประชากรเกิดใหม่น้อยที่สุดในรอบ 60 ปี ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวเป็นสัญญาณของการเตรียมผ่อนคลายและยกเลิกมาตรการควบคุมประชากรที่ให้แต่ละครอบครัวมีบุตรไม่เกิน 2 คน เพราะอาจจะส่งผลต่อแรงงานในประเทศจีน ซึ่งเวลานี้ จีนกำลังเป็นชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจเป็นอันดับ 2 ของโลก

ทั้งนี้ เมื่ออ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน พบว่าจำนวนของทารกที่เกิดใหม่ในปีที่ผ่านมา พบว่าลดลงถึง 2 ล้านคน จากปี 2017 โดยอยู่ที่ประมาณ 15.23 ล้านคน ซึ่งจากตัวเลขดังกล่าว นักวิเคราะห์คือนาย He Yafu ได้กล่าวว่า นี่เป็นสถิติที่ลดต่ำลงสูงสุดในการเกิดของประชากรจีนนับตั้งแต่ปี 1961 หรือในสมัยเหมาเจ๋อตง และหากนักตั้งแต่ก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี 1949 ถือว่าเป็นสถิติที่ต่ำสุดเป็นอันดับที่ 3 เลยทีเดียว

ในการสำรวจยังกล่าวถึงความกังวลต่อภาคเศรษฐกิจของจีนในระยะยาว ซึ่งจำเป็นต้องพึ่งพาตลาดแรงงานอย่างมาก นอกจากนี้จีนก็มีการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอตัวลงมาก่อนหน้านี้แล้ว อีกทั้งยังระบุว่าในปีนี้มีการเติบโตทางเศรษฐกิจลดต่ำลงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2009 ที่เกิดวิกฤตการเงินทั่วโลก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็เป็นผลกระทบมาจากสงครามการค้ากับสหรัฐอเมริกาด้วย

สำหรับเมืองใหญ่ที่ได้รับผลกระทบมากจากจำนวนการเกิดที่ลดลงในปี 2018 คือเมืองเวินโจว ซึ่งเป็นฮับทางด้านอุตสาหกรรมเหมืองแร่ของจีน และเมืองหนิงโป ซึ่งเป็นเมืองใกล้เคียงกัน ทั้งสองเมืองนี้มีอัตราการเกิดลดลงต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี โดยลดลงกว่า 17%

สำหรับหนทางแก้ไขปัญหานั้น ได้มีการวางโปรเจคที่ให้ความสำคัญกับการเพิ่มจำนวนประชากรในปี 2027 และยังเตรียมมาตรการที่จะออกเพื่อรองรับกับครอบครัวที่มีบุตรมากกว่า 2 คน แต่ก็มีการคาดการณ์ว่าแผนอาจจะเริ่มต้นก่อนใน 3 ปีเลย แล้วยังมีการคำนวณว่า ถ้าอัตราการเกิดของประชากรจีนยังต่ำอยู่แบบนี้ ก็คือ ก็คือมีอัตราของเด็กที่ 1.6 ต่อผู้หญิงหนึ่งคน ซึ่งในปี 2017 จำนวนประชากรอยู่ที่ 1.39 พันล้านคน ถือว่ามากที่สุดในโลก แต่เมื่อถึงปี 2065 จำนวนประชากรจีนจะตกลงมาที่ 1.172 พันล้านคน

ทั้งนี้หากย้อนไปแล้ว นับตั้งแต่การปฏิวัติวัฒนธรรมและนโยบายก้าวกระโดดของเหมาเจ๋อตง ซึ่งครั้งนั้นจำนวนประชากรจีนเคยลดต่ำลงเหลือเพียง 10 ล้านคนในปี 1960 ซึ่งเป็นผลมาจากการเร่งพัฒนาทางด้านอุตสาหกรรมที่ล้มเหลว และยังส่งผลให้คนจีนล้มตายครั้งใหญ่ด้วย

การวางแผนครอบครัว

ในปี 2016 ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนออกมาตรการเรื่องการวางแผนครอบครัวที่อนุญาตให้หนึ่งครอบครัวสามารถมีบุตรได้มากกว่า 2 คน ซึ่งก็จะมีการปรับแผนอีกครั้งภายในปี 2020 เนื่องจากจำนวนของประชากรนั้นยังเพิ่มอย่างจำกัดเกินไป

ในเวลานี้ จีนได้ผ่อนคล้ายแนวทางการมีบุตรเพียงคนเดียว แต่ก็ยังเป็นเรื่องยาก เนื่องจากจำนวนประชากรของจีนมีสัดส่วนที่ลักหลั่น ด้วยความที่มีเพศหญิงน้อยกว่าเพศชายถึง 30 ล้านคน ซึ่งก็ส่งผลกระทบไปที่แรงงานของจีนที่จำนวนลดต่ำลงกว่า 4.7 ล้านคน ในปี 2018 โดยลดลงกว่า 13% ตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา

“รัฐบาลจีนควรทำมากกว่าแค่มาตรการวางแผนครอบครัว แต่ต้องกระตุ้นนโยบายการให้ประชากรเกิดใหม่เพิ่มขึ้นด้วย” นักวิเคราะห์ของจีนกล่าวไว้ โดยอิงจากมาตรการวางแผนครอบครัวที่เปลี่ยนไปในเมืองกวางตุ้ง

“ในระยะยาวแล้ว มันจะส่งผลด้านลบต่อสภาพเศรษฐกิจและสังคม และในภาคแรงงานด้วย การเพิ่มจำนวนประชากรจึงเป็นเรื่องจริงจังที่ต้องให้ความสำคัญ ซึ่งความน่ากลัวอยู่ตรงที่สัดส่วนของผู้หญิงจีนนั้นยังน้อยกว่าผู้ชาย และมีแนวโน้มที่จะลดลงต่อไปด้วย หากไม่ทำอะไร จีนก็จะยังคงมีอัตราการเกิดของประชากรที่ลดลงแบบนี้ต่อไปนั่นเอง”

Source: Bloomberg