17-01-2019

ฟอร์ดและจากัวร์ ประกาศปลดพนักงานทั่วยุโรปหลายพันคน

บทความโดย
Ford World Headquarters ภาพจาก Wikipedia

สำนักข่าวรอยเตอร์ที่แฟร้งค์เฟิร์ต รายงานเกี่ยวกับเรื่องที่ทางบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านยานยนตร์ของโลกอย่าง ฟอร์ด และ จากัวร์ ได้ออกมาประกาศปลดตำแหน่งงานนับพันตำแหน่งทั่วยุโรป เป้าหมายเพื่อต้องการรัดเข็มขัด หลังจากอุปสงค์ของรถยนต์ประเภทดีเซลล์ลดต่ำลงอย่างฮวบฮาบ รวมถึงรับมือกับความเสี่ยงทางด้านเศรษฐกิจโลกที่กำลังชะลอตัว โดยเฉพาะผลกระทบเรื่องสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา

ทางด้านสำนักงานของจากัวร์ในประเทศอังกฤษ ได้ออกมากล่าวถึงการลดตำแหน่งงานราว 4,500 ตำแหน่ง จากทั้งหมด 42,000 ตำแหน่ง ในขณะที่ทางฟอร์ด ก็ได้ออกมาปลดพนักงานกว่า 1,000 ตำแหน่ง ซึ่งหวังว่าจะช่วยฟื้นฟูผลกำไรให้กลับคืนมา และรูปแบบการปลดพนังานเพื่อลดรายจ่ายดังกล่าว อาจจะเป็นต้นแบบที่ขยายไปทั่วยุโรปในเวลานี้

คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ก็ส่งผลกระทบต่อประเทศอังกฤษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่อังกฤษกำลังอยู่ในระหว่างการลงนามเพื่อขอออกจากสหภาพยุโรป ทำให้สถานการณ์ไม่แน่นอน นอกจากนี้ยังเป็นการบีบให้ผู้ผลิตรถยนต์เองต้องมีการปรับตัวในการฟื้นฟูผลกำไร หลังจากการปรับโครงสร้างธุรกิจในยุโรปส่งผลกระทบอย่างหนัก

ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา ทางด้าน จากัวร์ และ ฟอร์ด ต่างก็ประสบปัญหาเรื่องผลกำไรที่ลดน้อยลง ในขณะที่นักลงทุนเองก็มีความกดดันมากขึ้น หลังจากผลกำไรตามหลังทางบีเอ็ม โฟคสวาเก้น และเปอร์โยต์

“พวกเรากำลังมองหาหนทางปรับโครงสร้างทางธุรกิจของฟอร์ดในทวีปยุโรป” สตีเว่น อาร์มสตรอง ประธานบริหารของฟอร์ดภาคพื้นทวีปยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา กล่าวไว้เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

สำหรับบริษัทฟอร์ดในยุโรป มีพนักงานราว 53,000 คน ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมาต้องเผชิญหน้ากับผลกำไรที่ลดลงแม้ว่าจะมีการปรับโครงสร้างทางธุรกิจ ในขณะที่คู่แข่งสำคัญอย่าง GM กลับสามารถทำผลกำไรได้เพิ่มขึ้นจากยอดขายในยุโรป

ทางด้านสถานการณ์ของจากัวร์ในประเทศจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มียอดขายสูงสุดนั้น กลับมียอดขายลดลงประมาณ 21.6% จากในปี 2018 ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าลดลงมากที่สุดในเวลานี้

ทางผู้บริหารของจากัวร์กล่าวถึงสถานการณ์ดังกล่าวว่า “การชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีนจะส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่องและมีผลต่อความมั่นใจของผู้บริโภคด้วย”

สำหรับตำแหน่งงานของทั้งจากัวร์และฟอร์ดที่ถูกปลดออกนั้น เป็นผลกระทบมาจากอุปสงค์ของรถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซลล์ที่ลดลงอย่างหนักในทวีปยุโรป สืบเนื่องมาจากมาตรการคุมเข้มเกี่ยวกับมลภาวะทางอากาศที่กำลังเป็นปัญหาอย่างมากในเวลานี้ และส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตรถยนต์ทุกค่าย รวมถึงทำให้นักลงทุนต่างมองหาโอกาสสำหรับการพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งหลายฝ่ายก็เชื่อว่าฟอร์ดจะลดการผลิตรถยนต์ในส่วนที่ขาดทุนลงกว่า 20-30% ออกจากตลาด

ทางผู้บริหารของฟอร์ดยังกล่าวถึงความพยายามที่จะออกจากตลาดรถยนต์มินิแวนแบบครอบครัว เนื่องจากยอดขายรถยนต์ทั้งหมดลดลงกว่า 6% ในทวีปยุโรป รวมถึงกล่าวว่า บริษัทมุ่งหวังที่จะกลับมาสร้างผลกำไรให้มากขึ้น และออกจากตลาดรถยนต์ที่ขาดทุนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมีเป้าหมายที่ความพยายามในการเพิ่มสัดส่วนของผลกำไรในภูมิภาคยุโรป

นอกจากนี้ยังมีรายงานของฟอร์ดภาคพื้นยุโรปที่ระบุว่าพวกเขาสูญเสียรายได้ไปมากกว่า 245 ล้านยูโร เท่ากับว่ามีรายได้ลดลงกว่า 3.3% ในไตรมาสที่ผ่านมา

ภาพจาก Wikipedia

จากัวร์ลดพนักงาน

สถานการณ์ของจากัวร์ในปีที่ผ่านมา พวกเขามีพนังานในอังกฤษประมาณ 40,000 คน แต่ก็ไม่สามารถกระตุ้นยอดขายให้เพิ่มขึ้น โดยทำยอดขายได้เพียง 600,000 คัน เท่ากับมียอดขายลดลงกว่า 4.6% และเสียรายได้ไปมากกว่า 354 ล้านปอนด์ ในระหว่าง เดือนเมษายน-กันยายน จากปี 2018 ที่ผ่านมา

ปัจจัยที่สำคัญข้อหนึ่ง มาจากความต้องการที่ลดลงของรถยนต์น้ำมันดีเซลล์ นับตั้งแต่โฟคสวาเก้นได้กลายเป็นผู้นำสำหรับการลดมลภาวะในกลุ่มผู้ผลิตยานยนต์ ซึ่งก็มีผลกระทบทำให้รถยนต์ของจากัวร์ต้องปรับตัวทางด้านราคาจากอุปสงค์ที่ลดลงในปีก่อน ส่งผลทำให้จากัวร์ต้องหั่นราคาขายถึง 90% ในประเทศอังกฤษ และ 45% ในตลาดโลก

ทั้งหมดคือแรงกดดันที่ทำให้การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดกลายเป็นทางเลือกครั้งสำคัญ รวมถึงการปรับตัวทางด้านการผลิตรถยนต์น้ำมันดีเซลล์ที่จะมีขนาดลดลง

การลงนามขอออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ

สถานการณ์ดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ที่สร้างความไม่มั่นคงให้วงการยานยนต์ในอังกฤษเช่นกัน เพราะจะส่งผลกระทบไปถึงข้อกฎหมายสำหรับการค้าเสรีและปลอดภาษีระหว่างอังกฤษและชาติในยุโรป

ด้านผู้บริหารของจากัวร์อย่าง ราล์ฟ สเปช ได้กล่าวว่า เขามีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อังกฤษจะออกจากสหภาพยุโรปที่จะส่งผลถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเฉพาะในกรณีที่อังกฤษไม่สามารถทำความตกลงกับสหภาพยุโรปได้

สำหรับผู้ผลิตรถยนต์รายสำคัญอย่าง มินิ โรลลอยซ์ และ ฮอนด้า ต่างก็กล่าวถึงการปรับปรุงโครงสร้างทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้น หากว่าอังกฤษไม่สามารถตกลงกับสหภาพยุโรปได้

Source: Reuters