04-10-2018

Honda ร่วมลงทุน CRUISE รถไร้คนขับของ GM ใส่เงินกว่า 2.75พันล้านเหรียญ

บทความโดย
  • Honda จะลงทุนในรถยนต์ไร้คนขับของ GM ด้วยเงินลงทุนกว่า 2.75 พันล้านเหรียญสหรัฐและพร้อมเข้าถือหุ้นในบริษัทที่พัฒนารถยนต์ไร้คนขับของ GM ในสัดส่วน 5.7%

ภาพจาก geospatialworld

บริษัทฮอนด้า มอเตอร์จำกัดได้ประกาศการร่วมลงทุนกับบริษัทผลิตรถยนต์ชั้นนำอย่าง GM ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่ 2.75 พันล้านเหรียญพร้อมกับการถือหุ้นอีก 5.7% ในบริษัทพัฒนารถยนต์ไร้คนขับของ GM ในชื่อ Cruise

ในการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับฮอนด้าอาจมาช้ากว่ารายอื่นๆแต่ในการจับมือกับ GM ในครั้งนี้ผ่านการลงเงินกว่า 750 ล้านเหรียญในช่วงแรกและจะลงเงินอีก 2 พันล้านเหรียญในช่วง 12 ปีนับจากนี้โดยข้อตกลงดังกล่าวจะดึงเอาความเชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรมของฮอนด้ามาร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ตลาด

ขณะเดียวกันผู้ผลิตรายอื่นๆก็ได้เริ่มจับมือร่วมกันในการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับเพื่อลดความเสี่ยงของความไม่แน่นอนของรถยนต์ไร้คนขับที่กำลังพัฒนากันอยู่และเรื่องต้นทุนของการพัฒนาที่ยังมีความเสี่ยงมหาศาล

ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทางSoftBank ได้ออกมากล่าวว่าจะซื้อหุ้นใน Cruise ของGM จำนวน 19.6% มูลค่ากว่า 2.25 พันล้านเหรียญ ในการลงทุนของฮอนด้าใน Cruise ครั้งนี้ทำให้บริษัทมีมูลค่าถึง 1.46 หมื่นล้านเหรียญหรือราวหนึ่งในสามของมูลค่าบริษัท GM ในปัจจุบันอยู่ที่ 4.8 หมื่นล้านเหรียญ

ในคำแถลงของประธาน GM นาย Dan Ammann กล่าวไว้ว่า “เรายังคงเป้าหมายสำหรับปี 2019” สำหรับ GM Cruise ที่จะเปิดตัวรถยนต์ไร้คนขับ Cruise พร้อมกับได้กล่าวเสริมถึงเรื่องความสัมพันธ์อันยาวนานที่GM มีต่อ Honda จะช่วยให้สามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

ทางด้านผู้บริหารของHonda นาย  Seiji Kuraishi กล่าวว่าการลงทุนครั้งนี้อยู่บนพื้นฐานของการแชร์วิสัยทัศน์ร่วมกันและทาง GM และ Cruise เป้นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีนี้

GM Cruise มีรถในการทดสอบกว่า 100 คันในหลายรุ้น โดยทางซีอีโอของ GM ได้กล่าวว่าเรายังคงเน้นไปท่ี่การทดสอบรถยนต์ไร้คนขับในซานฟรานซิสโกก่อนจะขยับไปไปทดสอบในที่อื่น

นอกจากนี้ทางGM-Honda ยังได้ประกาศการเป็นพันธมิตรที่แนบแน่นในการร่วมพัฒนาแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าซึ่งคาดว่าจะสามารถนำออกจำหน่ายได้ในปี 2020 โดยทางฮอนด้าจะซื้อแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้ากับทาง GM เพื่อลดต้นทุนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตของทั้งสองบริษัทโดยเฉพาะหลังปี 2020 เป็นต้นไป

Source: Reuters