05-06-2018

Howard Schultz ก้าวลงจากตำแหน่งประธานบอร์ดของ Starbuckแล้ว

บทความโดย
  • Howard Schultz ประกาศลาออกจากประธานบอร์ดบริหารของสตาร์บัคส์ด้วยวัย 64 ปี โดยหลัจากนี้จะหันไปทำงานสาธารณะมากขึ้น
  • มีกระแสข่าวลือว่านาย Schultz  จะหันมาเล่นการเมืองโดยต้องการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2563 แข่งกับนายโดนัลด์ ทรัมพ์ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนปัจจุบัน

หลังจากได้บริหารสตาร์บัคส์ มากว่า 36 ปีและนำพาความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ให้บริษัทด้านกาแฟจากซีแอตเทิ้ลกลายเป็นบริษัทกาแฟระดับโลกซึ่งมีมูลค่าแบรนด์กว่า 8 หมื่นล้านเหรียญ โดยคาดกันว่า Howard Schultz อาจจะตัดสินใจเข้าสู่การเมืองโดยเฉพาะการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในช่วงปี 2020

Howard Schultz, Starbucks chairman emeritus, speaks to partners at the Starbucks Support Center in Seattle on Monday, June 4, 2018. After four decades with the company Schultz will step away from his role and focus on the future. (Joshua Trujillo, Starbucks) : ภาพจาก Starbucks

การเปลี่ยนแปลงหลังยุค Schultz

การเปลี่ยนแปลงก่อนหน้านี้นั่นคือการแต่งตั้งนาย Kevin Johnson มารับตำแหน่ง CEO เมื่อปีก่อนเพื่อเป็นการเตรียมการมอบไม้ต่อในการบริหาร กว่า 4 ทศวรรษที่เขาเป็นผู้นำของสตาร์บัคส์ Schultzได้ขยายกิจการสตาร์บัคส์จาก 11 สาขากลายเป็น 28,000 สาขาใน 77 ประเทศทั่วโลก

การมอบให้ Kevin Johnson มากุมบังเหียนสตาร์บัคส์เต็มตัวได้ผ่านการพิสูจน์การแก้ไขปัญหาและพิสูจน์ตัวเองได้ระดับหนึ่งแล้วจากเหตุการณ์พนักงานสตาร์บัคส์แสดงออกถึงการเหยียดสีผิวและเชื้อชาติต่อลูกค้าของตนเองจนต้องมีการสั่งปิดร้านชั่วคราวทั่วสหรัฐอเมริกาเพื่อทำการปรับทัศนคติพนักงานครั้งใหญ่ที่สุดของบริษัท โดยเขาสามารถมีปฏิกิริยาต่อปัญหาใหญ่ในเวลานั้นในเชิงรุกได้อย่างทันเหตุการณ์และระงับไม่ให้บานปลายได้อย่างทันท่วงที และสร้างความเชื่อมั่นให้กับแบรนด์สตาร์บัคส์ได้อย่างน่าทึ่ง

แต่ความท้าทายของการรักษาการเติบโตในสหรัฐและการขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศที่สำคัญคือ จีน ที่ต้องการความรอบคอบและการอุดรอยโหว่ของบางจุดรวมทั้งการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาเสริมการบริการเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆในร้านสตาร์บัคส์มากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการสั่งกาแฟผ่านมือถือและรวมถึงเรื่องระบบชำระเงินผ่านมือถือ

มุ่งหน้าสู่การเมืองและชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ?

ทั้งนี้ Schultz ได้ให้สัมภาษณ์กับนิวยอร์คไทม์ก่อนหน้านี้ว่ากำลังดูความเป็นไปได้มากมายรวมถึงการเรื่องการช่วยเหลือต่อสาธารณะซึ่งนั่นรวมถึงข่าวลือว่าเขาจะลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี แน่นอนว่าคู่แข่งคือนายโดนัลด์ ทรัมพ์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯในปี 2563

ก่อนหน้านี้นาย Schultz เคยออกมาพูดในประเด็นสาธารณะตั้งแต่เรื่องนโยบายสุขภาพ เรื่องการศึกษาไปจนถึงเรื่องการเหยียดผิว และมีความพยายามโน้มน้าวเพื่อนนักธุรกิจไม่ให้บริจาคเงินแก่พรรคการเมืองเพื่อประท้วงสภาคองเกรสอีกด้วย

นอกจากนี้เขายังได้วิพากษ์นายโดนัลด์ ทรัมพ์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯอีกหลายต่อหลายครั้งรวมทั้งการเขียนบทความในประเด็นสาธารณะอีกหลายครั้งด้วยกัน

ข้อมูลจาก Bloomberg แสดงให้เห็นว่าเมื่อปี 1991 สตาร์บัคส์มีรายได้ 57.6 ล้านเหรียญ ขณะที่สิ้นปี 2017 มีรายได้ที่ 2.24 หมื่นล้านเหรียญ เขาจะอยู่ที่สตาร์บัคส์จนถึงสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ในแถลงการณ์หลังจากนี้เขาจะได้รับตำแหน่งประธานกิตติมศักดิ์  โดยตำแหน่งประธานบอร์ดจะมีนาย Myron Ullman ซึ่งเป็นกรรมการในบอร์ดของสตาร์บัคส์อยู่แล้วเลื่อนขึ้นมาเป็นประธานบอร์ด

คงต้องรอดูกันว่าสตาร์บัคส์หลังยุคของ Schultz จะเป็นอย่างไรต่อไป และเขาจะหันไปเล่นการเมืองตามข่าวลือจริงมากน้อยแค่ไหนคงต้องรอติดตามกันดูกันต่อไป

Source: Bloomberg, FT