01-07-2020

โควิดทุบศก.ไทย กกร.คาดไตรมาส 2 ศก.ไทยหดหนักสู่เลขสองหลัก ทั้งปีหดหนัก -8%

บทความโดย
คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.)

วันนี้ที่ประชุมกกร. ได้ปรับลดประมาณการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้มาอยู่ที่ -8% ถึง -5% จากเดิมที่เมื่อเดือนพฤษภาคมอยู่ที่ -5.0% ถึง -3.0% ขณะที่ปรับลดประมาณการณ์การส่งออกมาอยู่ที่ -10.0% ถึง -7.0% จากเดิมที่เมื่อเดือนพฤษภาคมอยู่ที่  -10.0% ถึง -5.0% และอัตราเงินเฟ้อ ปรับมาอยู่ที่-1.5% ถึง -1.0% จากเดิมอยู่ที่ -1.5% ถึง 0.0%

โดยนายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) ซึ่งประกอบด้วยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ว่า ในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน 2563 แม้ภาครัฐทยอยคลายล็อกให้กิจกรรมเศรษฐกิจกลับมาเปิดดำเนินการ แต่เครื่องชี้เศรษฐกิจส่วนใหญ่ยังอยู่ในภาวะหดตัว จากกำลังซื้อที่อ่อนแอของครัวเรือนและภาคธุรกิจ ส่งผลต่อบรรยากาศการใช้จ่ายภายในประเทศ ขณะเดียวกัน การส่งออกและการท่องเที่ยวยังอยู่ภายใต้แรงกดดันจากเศรษฐกิจโลกที่ถดถอยและสถานการณ์โควิดในต่างประเทศที่ยังไม่ยุติ ทิศทางดังกล่าว คาดว่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 ปี 2563 หดตัวลงลึกสู่อัตราเลขสองหลัก

ในช่วงครึ่งปีหลัง แนวโน้มเศรษฐกิจยังเผชิญความไม่แน่นอนสูง จากการระบาดของไวรัสโควิดในบางประเทศที่ยังรุนแรง ซึ่งจะทำให้การเปิดพรมแดนระหว่างประเทศของไทยคงเกิดขึ้นอย่างจำกัด ส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว ในขณะที่ แรงฉุดจากเศรษฐกิจโลก สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และประเทศอื่นๆ ตลอดจนเงินบาทที่แข็งค่า อาจยังกดดันการส่งออกและการผลิตภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะหมวดสินค้าไม่จำเป็นต่อการดำรงชีพ

ทั้งนี้ มาตรการเยียวยาผลกระทบจากโควิด ควบคู่กับแรงขับเคลื่อนจากกลไกภาครัฐผ่านการอนุมัติแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม วงเงิน 4 แสนล้านบาท ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม จะเข้ามาช่วยประคองให้เศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี ทยอยฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด อย่างไรก็ตาม การกลับสู่ภาวะปกติก่อนโควิดของกิจกรรมทางเศรษฐกิจคงต้องใช้เวลา และจำเป็นต้องอาศัยการดำเนินนโยบายการเงินและการคลังที่ผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง

ที่ประชุม กกร. จึงมีมุมมองที่ระมัดระวังต่อทิศทางเศรษฐกิจไทยในช่วงข้างหน้า ขณะที่ล่าสุดทั้ง IMF และธปท. ได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2563 ลงมาที่ -7.7% และ -8.1% ตามลำดับ ทั้งนี้ จากทิศทางเศรษฐกิจไทยที่ยังมีประเด็นท้าทายอยู่มากดังกล่าว ในการประชุมรอบนี้ กกร. จึงได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2563 ลงมาเป็น -8.0% ถึง -5.0% (จากเดิม -5.0% ถึง -3.0%) ขณะที่ปรับลดกรอบประมาณการการส่งออกมาเป็น -10.0% ถึง -7.0% (จากเดิม -10.0% ถึง -5.0%) และปรับลดอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมาที่ -1.5% ถึง -1.0% (จากเดิม -1.5% ถึง 0.0%)

นอกจากการทบทวนกรอบประมาณการในปี 2563 แล้ว ที่ประชุม กกร. มีความเป็นห่วงเรื่องเงินบาทที่แข็งค่าในอัตราที่เร็วกว่าสกุลเงินภูมิภาคในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และยังมีความเป็นไปได้ที่เงินบาทจะมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นอีกในระยะข้างหน้า จากเงินดอลลาร์ฯที่อยู่ภายใต้แรงกดดันจากเศรษฐกิจสหรัฐฯที่อ่อนแอกว่าคาดและการดำเนินนโยบายอัดฉีด QE ของสหรัฐฯ

นอกจากนี้ กกร.ได้ร่วมหารือรับมอบนโยบาย จากรองนายกสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เรื่อง มาตรการให้ความช่วยเหลือด้านการเงิน SME อย่างทั่วถึง โดยมี 1) กองทุน 50,000 ล้านบาท โดย สสว. เป็นผู้จัดตั้งกองทุน 2) การเพิ่มสัดส่วนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐในกลุ่ม SME ซึ่งทั้งกลุ่มจะเตรียมนำเสนอ ครม. ในวันอังคารที่  7 กรกฎาคม 2563 หากผ่านความเห็นชอบจาก ครม. จะสามารถดำเนินการภายในเดือนสิงหาคม 2563 ทั้งนี้ กกร. ขอขอบคุณรัฐบาลที่เพิ่มมาตรการให้ความช่วยเหลือ SME ที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้