02-09-2019

แม็งโก้ทรี ก้าวกระโดดครั้งใหญ่ลุยตลาดโลก ดันร้านอาหารไทย 100 สาขาทั่วโลกใน 5 ปี

บทความโดย
Mango Tree restaurants

ในยุคที่อาหารไทยเฟื่องฟู ทั้งจากการได้รับการยอมรับในระดับสากล อาหารไทยได้รับรางวัลระดับนานาชาติมากมาย ความนิยมอาหารไทยเพิ่มขึ้นในตลาดต่างประเทศ แต่การหาอาหารไทยแท้ๆ ตั้งแต่วัตถุดิบ เชฟ กระบวนการปรุงอาหารที่ให้รสชาติ กลิ่น สัมผัสของอาหารไทยนับว่ายังมีข้อจำกัดอย่างมาก แต่ทว่าแบรนด์แม็งโก้ ทรี บริษัทในเครือของโคคา ได้ทำให้อาหารไทยสัมผัสได้ง่ายขึ้น และได้รับรสชาติที่เป็นของแท้อย่างแท้จริง

ล่าสุดกับการเปิดร้านอาหารไทย“แม็งโกทรี บิสโทร ฮากาตะ” (Mango Tree Bistro Hakata) ในเมืองฟูกุโอกะเมื่อไม่นานนี้ ซึ่งเป็นร้านแมงโก้ทรีคอนเซปบิสโทรสาขาแรกในญี่ปุ่นและเป็นร้านอาหารไทยลำดับที่ 45 ของเครือฯ ทำให้แม็งโก้ทรีรมองถึงการขยายสาขาไปเป็น 100 สาขา เริ่มถูกตั้งเป็นเป้าหมายที่ชัดเจนมากขึ้นภายในปี พ.ศ.2568

เครือแม็งโกทรี ประกอบด้วยแบรนด์ร้านอาหารที่หลากหลาย ตั้งแต่ “ภัตตาคารแม็งโกทรี” (Mango Tree restaurants) ที่ให้บริการอาหารเต็มรูปแบบ ไปจนถึง “แม็งโกทรี คาเฟ่” (Mango Tree Cafe) และ “แม็งโกทรี บิสโทร” Mango Tree Bistro ซึ่งเป็นบาร์และร้านอาหารไทยร่วมสมัยที่ให้บริการอาหารและเป็นแหล่งสังสรรที่มีชีวิตชีวา อย่างไรก็ตาม การขยายตัวของเครือฯ ส่วนใหญ่จะได้รับแรงหนุนจากแบรนด์ “แม็งโกทรี คิทเช่น” (Mango Tree Kitchen) และ “แม็งโกทรี แกร็บ แอนด์ โก” (Mango Tree Grab & Go)

นายเทรเวอร์ แม็กเคนซี กรรมการผู้จัดการ แม็งโก้ทรี เวิลไวด์

นายเทรเวอร์ แม็กเคนซี กรรมการผู้จัดการ แม็งโก้ทรี เวิลไวด์ เปิดเผยว่า แนวโน้มของอาหารในปัจจุบัน และอาหารยุคใหม่ จะเป็นแนว simple, sustainability and healthy มากขึ้น ในแถบเอมริกามีการแข่งขันสูงมากมนานแล้วเพราะมีความหลากหลายสูง เพราะมีหลายเชื้อชาติ และมีอาหารให้เลือกเยอะมาก แต่ในแนวแถบเอเชียการขยายตัวของร้านอาหารยังเป็นกลุ่มเป็นก้อน เพราะคนแถบเอเชียยังรวมกันเป็นกลุ่มอยู่ และคนส่วนใหญ่จะเลือกเข้าร้านอาหารจาก story ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับรสชาติอย่างเดียวแล้ว แต่จะออกเป็นแนวรักษ์โลก หรือ ออแกนิกแทน

โดยทางแม็งโกทรีได้แยกแบรนด์ให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นโดยเจาะกลุ่มตลาดที่แตกต่างกันแบ่งออกเป็น

Mango TreeElements Hong Kong

“ภัตตาคารแม็งโกทรี” (Mango Tree restaurants)  ให้บริการอาหารไทยเต็มรูปแบบ เป็นเรือธงของแบรนด์อาหารที่ออกมาจะมีความพรีเมียม ที่เน้นรสชาติดั้งเดิม แต่หน้าตาสมัยใหม่ โดยสาขาที่โดเด่นได้แก่ที่ลอนดอนซึ่งเป็นสาขาแรกที่ออกไปเปิดร้านเมื่อ 19 ปีที่แล้ว สาขาที่กวางโจวซึ่งได้ Micheline Plate

Mango Tree Bistro Hakata3

“แม็งโกทรี คาเฟ่” (Mango Tree Cafe) และ “แม็งโกทรี บิสโทร” Mango Tree Bistro  เป็นบาร์ร้านอาหารไทยที่เน้นการเข้ามานั่งสบายๆ ไว้สำหรับกลุ่มที่ของสังสรรค์หรือHang out  หลังจากงานเลิก อาหารจะมีลักษณะเป็น life style dining “แม็งโกทรี บิสโทร” Mango Tree Bistro จะมีบาร์ที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลากหลาย ในส่วน“แม็งโกทรี คาเฟ่” (Mango Tree Cafe) จะเข้าไปอยู่ตาม Shopping Mall ในต่างประเทศ การจัดร้านจะให้ความรู้สึกว่าเมื่อเข้าร้านแล้วจะเหมือนมาเมืองไทย

Mango Tree Grab & Go

“แม็งโกทรี คิทเช่น” (Mango Tree Kitchen) และ “แม็งโกทรี แกร็บ แอนด์ โก” (Mango Tree Grab & Go) จะตอบโจทย์คนเดินทางที่เป็นลักษณะของอาหารจานด่วน เน้นความสะดวกสบาย โดยเน้นเมนูอาหารไทยที่ทำง่ายอาทิ กระเพราเนื้อสับราดข้าว, ข้าวมันไก่, ผัดไทย เป็นต้น โดย “แม็งโกทรี คิทเช่น” (Mango Tree Kitchen) เปิดสาขาไปแล้วที่ญี่ปุ่นและกำลังขยายสาขาเพิ่ม

ส่วน“แม็งโกทรี แกร็บ แอนด์ โก” (Mango Tree Grab & Go) เปิดแล้วสาขาแรกที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยเน้นพวกเครื่องดื่มและอาหารที่ง่ายซื้อแล้วถือไปทานได้เลย มีแผนจะเปิดที่สถานีรถไฟกลางบางซื่อเพราะเป็นศูนย์กลางการเดินทางและเชื่อว่าคนจะมาใช้บริการเยอะ แต่โดยแผนแล้วจะเน้นไปเปิดตามสนามบินหลักทั่วโลก อาทิ ฝรั่งเศส สิงคโปร์ และที่กำลังจะเปิดคือที่ Hong Kong Airport เพราะจากที่ทางแมงโก้ทรีได้ทำ research 66% ของผู้ที่เดินทางทั่วโลกคือคนเอเชีย และคนเอเชียเองรู้จักอาหารไทยเป็นอย่างดี

แผนบุกตลาดต่างประเทศของแม็งโก้ทรี

นายเทรเวอร์ แม็กเคนซี กรรมการผู้จัดการ แม็งโกทรี เวิลด์ไวด์ กล่าวว่า ผลสำรวจของสมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (International Air Transport Association หรือ IATA) ระบุว่า จะมีผู้โดยสารเดินทางโดยเครื่องบินในปี พ.ศ. 2578 จำนวน 8.2 พันล้านคนต่อปี หรือเพิ่มขึ้น 86% เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2561 โดยภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะเติบโตเร็วที่สุด การขนส่งทางรถไฟในภูมิภาคก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน โดยเฉพาะการเปิดตัวรถไฟความเร็วสูงสายใหม่ ๆ หลายประเทศในเอเชีย

แนวคิดของ “แม็งโกทรี คิทเช่น” และ “แม็งโกทรี แกร็บ แอนด์ โก” จะส่งมอบอาหารไทยที่แสนอร่อยและสะดวกสบายให้กับนักเดินทางทุกคนทั่วโลก ทั้งนี้ แม็งโกทรีได้รับความสนใจจากผู้เชี่ยวชาญศูนย์กลางการท่องเที่ยวระหว่างประเทศอย่าง HMSHost, Lagadere และ SSP ซึ่งดำเนินกิจการหลายสาขาในสนามบินหลัก และศูนย์กลางการท่องเที่ยวทั่วเอเชียแปซิฟิก

ซึ่งทางแม็งโกทรีจะเน้นการเปิด Mango Tree grab and go ตามสนามบินหลักๆ ทั้งในยุโรปโดยการบุกตลาดต่างประเทศจะเน้นMango Tree grab and go  ถึง 50% ของสาขาที่เปิดในต่างประเทศ

ขณะที่แผนการเปิดตลาดในตะวันออกกลางมีแผนการเปิดสาขาในซาอุดิอาระเบีย อินเดีย จีน รวมกันจะอยู่มี่ประมาณ 5 สาขาใน 5 ปี ขณะที่ตลาดญี่ปุ่นจะเน้นการขยายสาขาไปเมืองรอบนอกมากขึ้น เพราะตลาดญี่ปุ่นยอมรับแบรนด์แม็งโก้ทรีแล้ว