01-05-2019

ตะวันออกกลางขึ้นแท่นศูนย์กลางคริปโตระดับโลก

บทความโดย

ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ได้พุ่งขึ้นสู่การเป็นศูนย์กลางการระดมทุนผ่านการออกเหรียญคริปโตอย่างรวดเร็ว จากการรายงานล่าสุดของบลูมเบิร์ก ปัจจุบันประเทศยูเออีได้แซงหน้าสหรัฐฯและอังกฤษในแง่ของปริมาณการระดมทุนผ่านการขายเหรียญคริปโตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยในปีนี้ประเทศยูเออีครองสัดส่วนการระดมทุนผ่านเหรียญคริปโตเป็นจำนวนกว่า 1 ใน 4 ของปริมาณธุรกรรมทั้งโลกในปีนี้

กรุงดูไบ สหรัฐอาหริบเอมิเรสต์ ภาพจาก Pixabay

โดยบลูมเบิร์กได้อ้างอิงรายงานจากฐานข้อมูลของคอยน์สเกดดูลโดยระบุว่า ประเทศยูเออีมีปริมาณการระดมทุนผ่านเหรียญคริปโตเป็นมูลค่ากว่า 210 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯแล้วในปีนี้ ส่งผลให้ยูเออีเป็นอันดับ 1 ในการจัดอันดับ 10 ประเทศที่มียอดการระดมทุนผ่านเหรียญคริปโตสูงที่สุดในโลกในปีนี้ ขณะที่ในปี 2018 ที่ผ่านมา ยูเออีไม่ติดอยู่ใน 10 อันดับแรกเลย

ขณะที่ประเทศสหรัฐฯร่วงลงจากอันดับ 1 มาอยู่ในอันดับที่ 6 แทน เนื่องจากยอดการระดมทุนผ่านการออกขายเหรียญครั้งแรกหรือไอซีโอ (Initial Coin Offerings; ICO) ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องและทางการสหรัฐฯเองมีการคุมเข้มตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น

ด้านอเล็กซ์ บัวเลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของคอยน์สเกดดูลให้ความเห็นว่า ขณะนี้ตลาดกำลังเฝ้าจับตา “ความต่อเนื่องของการเคลื่อนตัวของธุรกรรมจากสหรัฐฯเนื่องจากความกังวลด้านการกับดูแล” ด้านหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินในจีนและอินเดียเองก็มีการคุมเข้มธุรกรรมในตลาดคริปโตอยู่ไม่น้อยเช่นกัน ซึ่งนั่นส่งผลให้ภูมิภาคตะวันออกกลางเป็นผู้นำในการปรับใช้เหรียญคริปโตในธุรกรรมต่างๆมากขึ้น ตามมาติดๆด้วยภูมิภาคเอเชีย

ขณะที่ประเทศสิงคโปร์เองรั้งอันดับ 3 ของการจัดอันดับของคอยน์สเกดดูล ตามหลังอันดับ 2 อย่างหมู่เกาะเคย์แมน และมีฮ่องกงรั้งอันดับที่ 4

ข้อมูลจากคอยน์สเกดดูลระบุว่า ยูเออีสามารถรั้งอันดับ 1 ได้เนื่องจากธุรกรรมขนาดใหญ่ 2 ธุรกรรมเกิดขึ้นในช่วงปี 2019 ทั้งนี้ธนาคารเจเนซิส คริปโต บล็อกเชน อินเวสต์เมนต์ แบงก์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านธนาคารและระบบประกันบนตลาดคริปโตประสบความสำเร็จในการออกไอซีโอระดมเงิน 142 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในดูไบในการระดมทุนที่สิ้นสุดในเดือนมกราคมที่ผ่านมา

ขณะที่ธุรกรรมมูลค่าสูงอีกรายเกิดขึ้นกับโบลตันคอยน์ ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในดูไบเช่นกันและให้บริการด้านการลงทุนคริปโตในตลาดสินค้าหรูหราเช่นการทำเหมืองเพชรและอสังหาริมทรัพย์ โดยโบลตันคอยน์สามารถระดมทุนได้เป็นเงิน68 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในการขายเหรียญที่สิ้นสุดลงในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ด้านซาอุดิอาระเบียเองก็มีความเคลื่อนไหวที่คึกคักในอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลเช่นกัน เนื่องจากซาอุดิอาระเบียเองมีการสร้างความร่วมมือในเชิงหุ้นส่วนทางการธนาคารเอาไว้เพื่ออำนวยความสะดวกในการโอนเงินข้ามพรมแดร ธนาคารซาอุดิบริติชแบงก์ได้ประกาศความร่วมมือกับริปเปิล ผู้นำด้านเทคโนโลยีบล็อกเชนจากประเทศสหรัฐฯในการเปิดตัวบริการการโอนเงินข้ามพรมแดนแบบทันที

การประกาศความดังกล่าวของทั้ง 2 บริษัทเกิดขึ้นในช่วงการประชุมภาคการเงินที่จัดขึ้น ณ นครริยาด เมืองหลวงของซาอุดิอาระเบียเมื่อสัปดาห์ที่แล้วในฐานะส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาภาคการเงินแห่งชาติของประเทศซาอุดิอาระเบีย

ขณะที่ธนาคารกลางของซาอุดิอาระเบียเองก็มีความคุ้นเคยกับบล็อกเชนอยู่แล้วหลังจากทำข้อตกลงอำนวยความสะดวกในด้านการโอนเงินข้ามพรมแดนระหว่างธนาคารในประเทศซาอุดิอาระเบียและยูเออี

ปีที่แล้วธนาคารกลางซาอุดิอาระเบียเองก็มีการริเริ่มโครงการทดลองการใช้เงินรูปีอินเดียเพื่อใช้ในธุรกรรมโอนเงินข้ามพรมแดนด้วย นายมาเจ็ด นาจึม รองกรรมการผู้จัดการด้านลูกค้ารายใหญ่และสถาบันของธนาคารซาอุดิบริติชแบงก์ได้เสริมในประเด็นดังกล่าวว่า “เงินรูปินเดียถือเป็นการเริ่มต้นเชิงบวกสำหรับโรดแมปที่จะมีขึ้นในอนาคตในฐานะที่เป็นเงินสกุลแรกที่เราจะดำเนินการ โรดแมปนี้เราหวังที่จะช่วยเหลือลูกค้าให้ได้รับบริการที่ดีเยี่ยมและเชื่อมโยงกับนานาประเทศและเงินสกุลต่างๆมากขึ้น”

ขณะเดียวกันอินเดียเองก็มีการคุมเข้มตลาดเงินคริปโตมากขึ้น และมีแนวโน้มที่จะแบนอย่างเป็นทางการหลังจากถูกธนาคารกลางอินเดียวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงในสัปดาห์ที่ผ่านมา

ที่มา: Asia Times