20-03-2019

กนง.ประกาศคงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.75% ต่อปี

บทความโดย
  • คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.75 ต่อปี

วันนี้ (20 มี.ค.) คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.75 ต่อปี

โดยการตัดสินนโยบายคงอัตราดอกเบี้ยไว้ มาจากการประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้ใกล้เคียงกับศักยภาพ แม้ว่าจะมีการชะลอตัวลงกว่าที่ประเมินไว้จากการชะลอตัวของตลาดในต่างประเทศ แต่ตลาดภายในประเทศยังมีอัตราการขยายตัวต่อเนื่อง พร้อมทั้งอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีแนวโน้มต่ำกว่าที่ประเมินไว้เล็กน้อย

ภาวะการเงินโดยรวมอยู่ในภาวะผ่อนคลายและเอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยคณะกรรมการฯเห็นว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายในปัจจุบันมีส่วนในการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจและสอดคล้องกับเป้าหมายเงินเฟ้อ และรวมทั้งความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจโลกและปัจจัยในประเทศที่สูงขึ้นในปัจจุบัน ทางคณะกรรมการนโยบายการเงินจึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เพื่อรอประเมินผลกระทบจากปัจจัยต่างๆให้ชัดเจนขึ้น

นอกจากนี้มีประเด็นเศรษฐกิจที่สรุปได้คร่าวๆ ดังนี้

  • ประมาณการเศรษฐกิจไทยปรับตัวลดลงบ้าง แต่ยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง จากการบริโภคเอกชนขยายตัวตามรายได้ครัวเรือนทั้งในและนอกภาคเกษตรที่ปรับตัวดีขึ้น
  • หนี้ครัวเรือนไทยอยู่ในระดับสูง
  • การลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง จากการย้ายฐานการผลิตมายังไทยและโครงการร่วมทุนของรัฐและเอกชนในโครงสร้างพื้นฐาน
  • การส่งออกขยายตัวชะลอลงมากกว่าที่ประเมินไว้ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและวัฎจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐอเมริกา
  • อัตราเงินเฟ้อทั่วไปแนวโน้มทรงตัว โดยราคาพลังงานปรับสูงขึ้น และราคาอาหารสดปรับสูงขึ้น ตลอดจนการขยายตัวของ e-commerce การแข่งขันด้านราคาและการพัฒนาเทคโนดลยีที่ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลงทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นช้ากว่าในอดีต
  • สภาพคล่องในระบบการเงินอยู่ในระดับสูง อัตราดอกเบี้ยแท้จริงอยู่ใระดับต่ำ  ภาคเอกชนยังสามารถระดมทุน สินเชื่อธุรกิจและการบริโภคยังคงขยายตัว
  • เงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ
  • ระบบการเงินโดยรวมมีเสถียรภาพ
  • ยังต้องติดตามการขยายตัวของสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย การปรับตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งการก่อหนี้ภาคครัวเรือนที่แนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
  • กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่อาจได้รับการประเมินความเสี่ยงที่ต่ำกว่าที่ควรเป็น

ที่มา: แถลงข่าวผลการประชุมกนง.