17-05-2019

เอเชียหวั่นตะวันออกกลางบานปลาย เตือนเรือขนน้ำมันระวังมากขึ้น

บทความโดย
เรือบรรทุกน้ำมันถูกโจมตีที่ท่าเรือ Fujairah, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อ 13 พ.ค. ที่ผ่านมา ภาพจาก REUTERS/Satish Kumar

ตอนนี้ผู้ส่งสินค้าทางเรือ รวมทั้งโรงกลั่นน้ำมันในเอเชียได้รับการเตือนภัยในการส่งเรือไปตะวันออกกลางและคาดการณ์ว่าเบี้ยประกันภัยทางทะเลจะแพงเพิ่มขึ้นหลังจากมีการโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันและท่อส่งน้ำมันเข้าโรงกลั่นของซาอุดิอาระเบีย

เหตุการณ์โจมตีสถานีสูบน้ำมันของ Saudi Aramco จำนวน 2 แห่งส่งผลให้ต้องปิดท่อส่งน้ำมันตะวันออกไปตะวันตกในช่วงหนึ่งซึ่งรู้จักกันในชื่อ Petroline การโจมตีเกิดขึ้นหลังเหตุวินาศกรรมเรือบรรทุกน้ำมัน 4 ลำ ซึ่ง 2 ลำถือสัญชาติซาอุดิอาระเบีย โดยเกิดเหตุใกล้กับสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์

จากเหตุการณ์โจมตีในครั้งนี้ทำให้ราคาน้ำมันทั่วโลกปรับเพิ่มขึ้นมา 1% จากต้นทุนของโรงกลั่นและค่า โดยเฉพาะชาติในเอเชียที่เป็นผู้ซื้อน้ำมันเกือบ 70% จากตะวันออกกลาง อีกทั้งจากการโจมตีในครั้งนี้ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปยังการขนถ่ายน้ำมันผ่านช่องแคบฮอร์มุซ รวมถึงเรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ที่จะเติมน้ำมันที่ท่าเรือ Fujairah ของสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ซึ่งเป็นหนึ่งจุดที่มีการโจมตีเกิดขึ้น

ในการโจมตีครั้งที่ 2 เกิดขึ้นที่  Petroline ของซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นท่อส่งน้ำมันเบาจากฝั่งตะวันออกไปยังท่าเรือ Yanbu ซึ่งอยู่ทางตะวันตก ทั้งนี้การส่งออกน้ำมันของซาอุฯไม่ได้หยุดชะงักแต่อย่างใดเนื่องจากเรือบรรทุกน้ำมันที่จะส่งมาทางเอเชียได้ย้ายไปขึ้นน้ำมันที่ท่าเรือ Ras Tanura  และ Juaymah ซึ่งใกล้กับอ่าวเปอร์เซีย

อย่างไรก็ตามท่าน้ำมัน Petroline มีความสำคัญเนื่องจากเป็นเส้นทางสำรองสำหรับการส่งออกน้ำมันของซาอุดิอาระเบียที่ข้ามช่องแคบฮอร์มุซ แม้จะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานการส่งน้ำมันของซาอุฯมากนักแต่ส่งผลต่อด้านจิตวิทยาอย่างมาก

ในการนี้มีหน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐฯเชื่อว่ากลุ่มที่ทำการโจมตีในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านในการโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันสี่ลำที่ฟูไจราห์มากกว่าเป็นกองกำลังของอิหร่านเอง แต่เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามองอิหร่านในการเปิดเผยช่องโหว่ของโครงสร้างพื้นฐานการส่งน้ำมันที่ข้ามไปยังช่องแคบฮอร์มุซ ล่าสุดทางอิหร่านได้ออกมาให้การปฏิเสธว่ามีส่วนร่วมในการโจมตีในครั้งนี้

Source: Reuters