22-01-2018

จับตาวอลล์สตรีท เมื่อ “Netflix” ติดลมบน

บทความโดย
  • หุ้น Netflix มีราคาเพิ่มขึ้นถึง 15% และเติบโตมากถึง 53% ในปี 2017
  • หุ้นด้านเทคโนโลยีการสื่อสารมีมูลค่าสูงที่สุดในรอบทศวรรษ
  • หุ้นใน S&P 500 กลุ่มเทคโนโลยีการสื่อสารทำกำไรมากกว่าการคาดการณ์กว่า 19 เท่า สูงสุดนับจากปี 2008
  • นักวิเคราะห์คาดว่าแม้จะมีการแข่งขันที่สูงขึ้น แต่ Netflix ยังสามารถผ่านไปได้สบายๆ

ภาพจาก thaimarketing

สถานการณ์ในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาถือว่าน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง จากการซื้อขายหุ้นในกลุ่ม S&P 500 พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุด บริษัทยักษ์ใหญ่จำนวนมาก เช่น Microsoft Corp (MSFT.O), Apple Inc (AAPL.O), Alphabet Inc (GOOGL.O) and Amazon.com ต่างก็มีแนวโน้มที่ดีมากในช่วงการซื้อขาย 13 วันแรกของปี 2018 และทำกำไรจากการเติบโตให้แก่นักลงทุนได้มากมาย จนการประเมินมูลค่าหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นสูงที่สุดในรอบทศวรรษ

เช่นเดียวกับ “Netflix” ที่รายงานไตรมาศเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา พบว่าราคาเพิ่มขึ้นถึง 15% ในปีนี้ พุ่งแรงกว่าหุ้นใน S&P 500 อื่นๆ ที่ราคาเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเพียง 5% การเติบโต 53% ในปี 2017 ของ “Netflix” พร้อมด้วย Amazon.com และบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีจาก Silicon’s Valley เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐทำสถิติใหม่อีกครั้ง

ภาพจาก AP

สำหรับ “Netflix” แล้ว ปี 2017 ที่ผ่านมาถือว่ามีความเปลี่ยนแปลงพอสมควร โดยเฉพาะการขึ้นค่าบริการในเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นการขึ้นค่าบริการครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2015 เพื่อระดมทุนในการสร้างรายการใหม่ๆ แต่ก็เสี่ยงต่อการจะเสียลูกค้าจากราคาที่สูงขึ้นเช่นกัน โดย “Netflix” คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นในเดือนธันวาคมที่ผ่านมาประมาณ 6.3 ล้านคน ซึ่งจะทำให้ฐานผู้ชม “Netflix” มีถึง 115.6 ล้านคนทั่วโลก

ภาพจาก Forbes

แม้ว่าจะถูกมองจากนักวิเคราะห์ว่า เป็นหุ้นที่มีอนาคตสดใส และเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของตลาดหุ้นอเมริกาในช่วงเวลานี้ แต่ “Netflix” ก็ต้องพบกับการแข่งขันในตลาด Streaming Video ที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงคู่แข่งอย่าง Amazon’s Prime Video แต่นักลงทุนก็ยังคงมองในแง่ดีว่า “Netflix” ยังมีดีเพียงพอที่จะเติบโตต่อไปได้สบายๆ จากข้อมูลทางสถิติที่มากกว่าการคาดการณ์หลายเท่าตัว

ซึ่งนักลงทุนจำนวนมากก็พร้อมลงทุนให้กับหุ้นที่มีอัตราการเติบโตเร็วแบบนี้

นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่อง การลดภาษีนิติบุคคล ที่เพิ่งผ่านสภาคองเกรสไปเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนด้านเทคโนโลยีรอฟังข้อสรุปผลกระทบจากเรื่องนี้ รวมทั้งแผนการที่บริษัทขนาดใหญ่อาจนำผลประโยชน์จากการลงทุนต่างประเทศกลับสหรัฐฯ

แม้จะยังมีปัจจัยอื่นๆที่ต้องวิเคราะห์เพิ่มเติม รวมถึงปัจจัยจากรัฐบาล แต่ดูเหมือนว่านักลงทุนจะไม่ได้ใส่ใจมากนัก จากสถิติการซื้อขายในตลาดหุ้นที่ดีเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก โดยหุ้นใน S&P 500 กลุ่ม เทคโนโลยีด้านการสื่อสารนั้นทำกำไรไปมากกว่าการคาดการณ์ไว้กว่า 19 เท่า ซึ่งเป็นสถิติสูงที่สุดตั้งแต่ปี 2008

 

Source: Reuters