CARRO จับมือเต๊นท์รถมือสองทั่วประเทศไทย ขยับย้ายช่องทางการขายสู่ยุคดิจิตอล
Carro (คาร์โร) บริษัทด้านตลาดช่องทางการขายรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เปิดเผยข้อมูลการทำงานร่วมกับเต๊นท์รถมือสองในประเทศไทยในการเปิดช่องทางดิจิตอลเพื่อเป็นสื่อกลางให้เต๊นท์ขายรถเข้าถึงทั้งผู้ซื้อและผู้ขายได้ง่ายมากขึ้นผ่านช่องทางออนไลน์
คาร์โรก่อตั้งขึ้นในประเทศสิงคโปร์ บริษัทได้ขยายเข้ามายังประเทศไทยและอินโดนีเซียเพื่อสร้างช่องทางการซื้อขายรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยได้อำนวยความสะดวกในการซื้อขายรถยนต์มูลค่ามากกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือกว่า 15,000 ล้านบาทแล้วในปี 2561 ในประเทศไทย คาร์โรเติบโตขึ้นถึง 100% ไตรมาสต่อไตรมาส (QoQ) ในปี 2561
ส่วนหนึ่งของแผนการขยายตลาดของคาร์โรก็คือการทำงานร่วมกับดีลเลอร์หรือเต๊นท์ขายรถมือสองทั่วประเทศไทยอย่างใกล้ชิด โดยมีสำนักงานอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น นครราชสีมา สกลนคร อุดรธานี อุบลราชธานี เชียงใหม่ พิษณุโลก สงขลา สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต และชลบุรี โดยเชื่อมต่อผู้ขายรายบุคคลผ่านช่องทาง e-commerce ในขณะที่คาร์โรตั้งใจจะช่วยเหลือดีลเลอร์ในการขยายตลาดให้ทั่วถึงทั้งประเทศนั้น ยังมีความมุ่งหวังที่จะช่วยให้ดีลเลอร์ได้เข้าถึงกลุ่มผู้เจ้าของรถบ้านที่ต้องการขายได้มากขึ้นเพื่อให้มีรายได้มากขึ้นอีกด้วย
“ประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาด e-commerce ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค ด้วยการร่วมมือกับตัวแทนจำหน่ายรถยนต์มือสองในการใช้เทคโนโลยีใหม่ เราสามารถช่วยให้พวกเขาใช้ประโยชน์จากช่องทางออนไลน์เพื่อค้นหาผู้ซื้อรายใหม่และเพิ่มยอดขายของพวกเขา” คุณ Aaron Tan, ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารคาร์โรกล่าว “โดยการนำพวกเขามาบนแพลตฟอร์มของเรา เราอยากเป็นผู้นำในด้านการสร้างความสะดวกสบายของกลุ่มนักธุรกิจดีลเลอร์โดยเฉพาะนอกตัวเมืองหลักทั่วประเทศไทย,” คุณ Tan กล่าวเพิ่มเติม
ในขณะเดียวกัน พันธมิตรใหม่ก็จะช่วยเพิ่มจำนวนรถยนต์ที่มีอยู่ในตลาดให้เติบโตอย่างรวดเร็ว ดังนั้น จึงช่วยให้มั่นใจได้ว่าพวกเขาสามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้ซื้อในประเทศไทยได้อย่างต่อเนื่อง
ก่อตั้งขึ้นในปี 2558 คาร์โรพยายามเปลี่ยนความเป็นเจ้าของรถยนต์ด้วยวิธีแบบ 360 องศา ซึ่งรวมถึงการซื้อการขาย การจัดทำไฟแนนซ์ การประกันภัย การรับประกัน เวิร์คช้อป และความช่วยเหลือบนท้องถนนในสิงคโปร์ และจะค่อยๆให้บริการเหล่านี้ในประเทศไทยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าโดยเริ่มต้นในปี 2563
