“ไทย-ไชนีส พร็อพเพอร์ตี้” จับมือ “เอแพลน” เตรียมผุด “เรดิสัน ภูเก็ต ไม้ขาว” ที่พักอาศัยแห่งใหม่ริมหาดไม้ขาว ภูเก็ต

ไทย–ไชนีส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้ง (Thai Chinese Property Holdings) จับมือ เอแพลน พร็อบเพอร์ตี้ (Aplan Properties) ปักธงหาดไม้ขาว หาดที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในภูเก็ต ทุ่ม 1,600 ล้านบาท เตรียมผุด “เรดิสัน ภูเก็ต ไม้ขาว บีช”  (Radisson Phuket Mai Khao Beach) บริหารงานภายใต้แบรนด์ “เรดิสัน” ที่พร้อมมอบบริการระดับโลก ตอบโจทย์นักเดินทางและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุน

ดร.วิลเลียม หลอ ผู้บริหารระดับสูง ไทย–ไชนีส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้ง กล่าวว่า การลงทุนนี้เพื่อจะเกาะไปกับนโยบาย one belt one road ที่เชื่อมร้อยระหว่างกันในภูมิภาคนี้ และเชื่อมั่นในศักยภาพของภูเก็ตที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก ทั้งในด้านบริการและเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆของนักท่องเที่ยวทั่วโลก 

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาภูเก็ตเป็นปลายทางของนักท่องเที่ยวจีน จนมีคำกล่าวโดยคนจีนว่าสถานที่แห่งแรกที่จะพาคู๋เดทไปเที่ยวคือภูเก็ต ประเทศไทย และอัตราเติบโตของนักท่องเที่ยวจีนที่มาเที่ยวภูเก็ตยังเติบโตไปได้ต่อเนื่อง

หาดไม้ขาวนับเป็น prime area ที่เป็นพื้นที่สีเขียวอยู่ใกล้อุทยานแห่งชาติ เป็นทำเลที่ตั้งของโรงแรมชั้นนำของโลกหลายแห่ง ระยะไม่ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวในภูเก็ต ในการลงทุนในครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญของ ไทย-ไชนีส พร็อพเพอร์ตี้ ปักธงโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่ มูลค่าโครงการนี้อยู่ที ่1,600 ล้านบาท 

นายโธมัส ดาร์บี้ ผู้จัดการอสังหาริมทรัพย์ บริษัท เอแพลน พร็อบเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า พัฒนาโครงการเรดิสัน ภูเก็ต ไม้ขาว บีช เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการโครงการคุณภาพสูง ด้วยโปรแกรมบังคับเช่า (Mandatory Rental Program) ดำเนินการตลาดและการขายโดย ดีเอ็มอาร์ดี เอเชีย (DMRD Asia) ในขณะที่การบริหารงานจะได้รับการจัดการโดยกลุ่มโรงแรมเรดิสัน (Radisson Hotel Group) เพื่อมอบผลตอบแทนให้กับนักลงทุนอย่างคุ้มค่า และเป็นแหล่งพักผ่อนที่ครบวงจรสำหรับนักท่องเที่ยว

ขณะนี้อยู่ในระหว่างการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ซึ่งจะพร้อมเริ่มการก่อสร้างอย่างเต็มรูปแบบในไตรมาสแรกของปี พ.ศ. 2563 (2020) คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี พ.ศ. 2566 (2023) โดยจะเปิดตัวแกลเลอรีให้เข้าชมภายในธันวาคมนี้

“เรดิสัน ภูเก็ต ไม้ขาว บีช” ตั้งอยู่บนหาดไม้ขาว ชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นทำเลที่เงียบ สงบ และยังคงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติอยู่มาก ใกล้สนามบินนานาชาติภูเก็ตเพียง 15 นาที ครอบคลุมพื้นที่กว่า 4 ไร่ (8,000 ตารางเมตร) มีพื้นที่ใช้สอยรวม 14,000 ตารางเมตร ตัวโครงการเป็นลักษณะอาคารโลว์ไรส์ จำนวน 8อาคาร ประกอบด้วยห้องพักและห้อง     สวีทจำนวนทั้งสิ้น 222 ยูนิต (110 ห้องสำหรับเจ้าของร่วม) พร้อมกรรมสิทธิ์ถือครองแบบสมบูรณ์ (Freehold) สำหรับชาวต่างชาติ และได้รับใบอนุญาตเป็นคอนโดมิเนียมเชิงพาณิชย์ (Commercial Condominium)

การออกแบบร่วมสมัย เน้นฟังก์ชั่นการใช้งานได้จริงผสานการออกแบบสไตล์สแกนดิเนเวียน ทุกยูนิตสามารถมองเห็นวิวทะเลอันดามันและชายหาดที่งดงาม มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่แบบ “ดีลักซ์ ซี วิว สตูดิโอ” (Deluxe Sea View Studio) ขนาด 41 ตารางเมตร, “พรีเมียร์ พูล แอคเซส สวีท” (Premier Pool Access Suite) ห้องชุดที่สามารถเข้าถึงยังสระว่ายน้ำหลักได้โดยตรง (Pool Access) ขนาด 47 ตารางเมตร ไปจนถึง “แกรนด์ ซี วิว สวีท ไพรเวท พูล” (Grand Sea View Suite With Private Pool) ห้องชุดพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว (Pool Suite) ขนาด 132 ตารางเมตร

นายมาร์ซีเอโน เบิร์จโมฮาน กรรมการผู้จัดการดีเอ็มอาร์ดี เอเชีย มองว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่องจึงหันไปเจาะตลาดประเทศที่ค่าเงินยังไม่แข็งค่ามากนัก เช่นฮ่องกง มาเก๊า พร้อมทั้งเน้นนักท่องเที่ยวอินเดียแและจีนด้วยแบรนด์เรดิสันยังดีในสายตาของนักท่องเที่ยวทั้งสองตลาดนี้ มีความจงรักภักดีในแบรนด์โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวอินเดียที่ยังมีอัตราเติบดตต่อเนื่อง 

ทางเรามีการทำวิจัยการตลาดทุกเดือนเพื่อดูว่าลูกค้าต้องการอะไรที่ผ่านมานักลงทุนหาที่อยู่ปล่อยเช่าและ

โครงการเรดิสัน ภูเก็ต ไม้ขาว บีช ราคาเริ่มต้น 7.2 ล้านบาท กรรมสิทธิ์ถือครองแบบสมบูรณ์ (Freehold) อัตราผลตอบแทน 6% ในช่วง 3 ปี ในปีที่ 4 เป็นต้นไปเราจัดการรูปแบบส่วนแบ่งรายได้สำหรับผู้ซื้อของเรา – คาดการณ์อัตราผลตอบแทนสุทธิ 5% ต่อปี

นายอังเดร เดอ จอง รองประธานฝ่ายปฏิบัติการ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก กลุ่มโรงแรมเรดิสัน กล่าวว่า “ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของเราในสภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนทำเลที่เรียกได้ว่าเป็นหัวใจของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความหลากหลายมากที่สุดในโลก เราเชื่อว่า เรดิสัน ซึ่งเป็นแบรนด์โรงแรมและรีสอร์ทระดับอัพสเกล ของเรานั้นเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับหลากหลายจุดหมายปลายทางที่เติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศไทย รวมถึงภูเก็ต เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้แนะนำนักเดินทางทั้งในและต่างประเทศ เพื่อการพักผ่อนยุคใหม่ในจุดหมายปลายทางริมชายหาดแห่งนี้”

ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าภาคการท่องเที่ยวได้รับพิษจากเศรษฐกิจชะลอตัวลงและเรื่องค่าเงินบาทแข็ง ทำให้ได้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบทั้งหมด ทั้งเรื่องซัพพลายที่เพิ่ม แต่ดีมานด์ไม่ได้เพิ่มตามตามวัฏจักรเศรษฐกิจ 10 ปี แต่เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้เร็ว และตัวเลขในการท่องเที่ยวจะยังเติบโตในอนาคต